วิธีการประเมินราคาหุ้น

ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ ที่พูดถึงเทคนิคการหาหุ้นที่ดี ในครั้งนี้อาจจะยากซักนิดนึง ควรเปิดคลิปลองทำไปด้วยก็ได้ครับ

การประเมินราคาหุ้น_hd

ลดูคลิปเทคนิคการหาหุ้นจากครั้งที่แล้วครับ : 
www.abzolute.in.th/เทคนิคการหาหุ้นดี/

อันนี้จะเป็น File Excel สถิติหุ้น 10 ปี และตารางสถิติหุ้นย้อนหลังสำหรับทำ workshop ครับ :
https://we45.settrade.com/brokerpage/011/StaticPage/StockScreen.xls

  • ภาพรวมของการประเมินราคาหุ้น
    จากสินทรัพย์ >> 1.PB, 2.สินทรัพย์สุทธิ
    จากรายได้ >> 1.PE, 2.มูลค่ารวมของกิจการ, 3.กระแสเงินสด

การประเมินราคาหุ้น5

  • เงินปันผลคงที่ทุกงวด สูตร P = D/k
    P = ราคาหลักทรัพย์
    D = เงินปันผล
    k = อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ 5%=0.05 (พันธบัตรรัฐบาล 10 ปี)

การประเมินราคาหุ้น_2

  • เงินปันผลเพิ่มขึ้นทุกงวด สูตร P = D(1+g)/k-g
    โดยสมมุติค่า g = เงินเฟ้อ 0.03

การประเมินราคาหุ้น_3

  • โดยมูลค่าของกระแสเงินตามเวลา คือ Time Value of Money แนะนำว่าเพื่อนๆ ลองไปทำ Workshop การประเมินมูลค่าหุ้นตามคลิปที่ผมได้ให้ในครั้งที่แล้วจะทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ
  • ราคาหุ้นเกว่งเยอะๆ แปลว่าเวลามีวิกฤตจะเสี่ยงเยอะ เสียหายเยอะจากผลกระทบตลาด
  • การใช้ค่า PE ในการประเมินราคาหุ้น
    1.ใช้ PE ในอดีต อาจจะไม่ตรงเพราะอนาคตไม่จำเป็นต้องขึ้นไปเรื่อยๆ
    2.ใช้ PE กลุ่มอุตสาหกรรม แต่ ธนาคารเล็ก-ใหญ่ ไม่ควรเอามาเทียบกัน

การประเมินราคาหุ้น_4

  • ลองตั้งคำถามว่าทำไมโรงพยาบาล ค้าปลีก ถึงมี PE 30 เท่า แปลว่า บริษัทนั้นๆ จะทำกำไรให้เราไปได้อีก 30 ปี หรือไม่ ?
  • กำไรสุทธิจะวิ่งเข้า ส่วนของผู้ถือหุ้น โดยเอากำไรสุทธิ หาร ส่วนของผู้ถือหุ้น จะได้ค่า g หรือ ROE
  • PE = ROE, Value ของหุ้นส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับ ROE
  • ถ้าเกิดวิกฤต PE จะเพิ่มขึ้น เพราะ กำไร (EPS) จะลดลง
  • อัตราคิดลด (Discount Rate) เป็นตัวเลขที่ใช้เพื่อแปลงค่าเงินในอนาคตให้กลับมาเป็นมูลค่า ณ เวลาปัจจุบัน โดยปกติตัวเลขที่ใช้คิดลดสำหรับเงินปันผล ได้แก่ อัตราผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนต้องการจากการลงทุนในหุ้นนั้น โดยมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น (P0) สามารถคำนวณได้จากสูตรดังต่อไปนี้

การประเมินราคาหุ้น_1

  • ถ้าวิกฤตมันจะเกิด ตลาดหุ้นมันจะร่วงลงไปก่อน 50% แต่จะเกิดอะไร จะมารู้ทีหลัง
  • ADVANCE เคยขึ้นไป 300 ถ้ามันร่วงลงมา 180 บาทน่าซื้อมากๆ
  • IRPC ผมคิดว่าไม่ได้เป็นหุ้น Value เพราะว่าสังเกตกำไรผันผ่วน และมีขาดทุนสลับกัน และเราไม่มีทางเข้าใจเกี่ยวกับปิโตเลียมได้อย่างดี
  • KCAR ธุรกิจเช่ารถยนต์ และปล่อยกู้ มีปันผลดี เป็นหุ้นห่านทองคำ และอีกตัวคือ MODERN
  • VI ควรจะซื้อหุ้น Growth มากกว่า Value หรือ หุ้นปันผล แต่หุ้นเติบโตจะเสี่ยงกว่า
  • ก่อนที่หุ้นจะขึ้น ส่วนใหญ่มันจะปรับฐานลงมา 20% ก่อน แต่ถ้าปรับลดเป็ย 50% ควรซื้อแบบเทหน้าตักเลย ถ้ามันลงมาอีกชังมัน แต่ถ้ามีเงินอีก ซื้อเพิ่มเลย!
  • ควรมีหุ้นใจพอร์ต 5-10 ตัว แต่ถ้ามากกว่านั้น เราจะดูไม่ทัน ให้ไปซื้อกองทุนรวมหุ้นจะดีกว่า
  • หุ้นอะไรที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างประชาการที่เปลี่ยนไป ? เช่น บริการ โรงแรม โรงพยาบาล ค้าปลีก โครงสร้างพื้นฐาน พลังงานทดแทน ประกันชีวิต, ประกันภัย SMK TIP BLA อาหาร
  • ผมไม่ชอบบริษัทที่มีผู้ถือหุ้น หรือผู้บริหารที่เป็น หรือเกี่ยวข้องกับนักการเมือง เพราะหลายตัวที่เป็นแบบนี้มันไม่ค่อยโอเคเท่าที่ควร
  • บริษัทควรเก็บเงินปันผลไว้พัฒนาธรุกิจ แต่การจ่ายเงินปันผลเยอะๆ 100% นั้นเช่น BEC, ADVANC เป็นธุรกิจสัมปทาน ถ้าหมดอายุ สินทรัพย์นั้นจะกลายเป็นของรัฐ จึงจ่ายให้ผู้ถือหุ้นก่อน

ใครที่ได้อ่านแล้ว และลองดูคลิปไปด้วยแล้วไม่เข้าใจเกี่ยวกับประเมินราคาหุ้นก็สามารถโพสถามได้นะครับ เผื่อผมจะพอช่วยได้บ้าง แหะๆ 😀 สุดท้ายครับ ทิ้งท้ายข้อคิดดีๆ ให้นำไปใช้กัน

หากคุณไม่สามารถทนเห็นหุ้นที่ตนเองถืออยู่ราคาลดลงไป 50% ได้ ก็ไม่ควรลงทุนในหุ้น
– Warren Buffett –

ขอบคุณรูปจาก tsi-thailand.org