ร่างกายไม่เคยโกหก What every body is saying

เคยสงสัยไหมครับ เวลาเรากำลังพูดอะไรอยู่ จะรู้ได้อย่างไรว่าเค้ารู้สึกอย่างไรกับคำพูดเรา และเวลาเขาพูดอะไรกับเรา จะรู้ได้ไงว่าเขาโกหกเราหรือป่าว ?

ชื่อหนังสือ : ร่างกายไม่เคยโกหก
ชื่อผู้แต่ง : Joe Navarro
ผู้แปล : อมรรัตน์ ศรีสุรินทร์
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น, สนพ.
ปีที่พิมพ์ : พ.ศ. 2556
จำนวนหน้า : 304 หน้า
ISBN : 9786167164502
ราคา : 180 บาท

ร่างกายไม่เคยโกหก (2)

สรุปเนื้อหาอย่างย่อในหนังสือ ร่างกายไม่เคยโกหก :

ความลับของภาษาที่ร่างกายสื่อสารออกมา :

  • การเลิกคิ้วนั้นแสดงให้ว่าพบเจอกับคนที่อยากจะเจอด้วย ในทางกลับกันการหรี่ตาเป็นพฤติกรรมที่เจอกับคนที่เราไม่ชอบ
  • ในการสื่อสารระหว่างบุคคล ภาษากายจะเข้ามามีบทบาทประมาณ 65%
  • บางครั้งภาษากายก็เชื่อได้มากกว่าคำพูด
  • คุณเห็น… แต่คุณไม่ได้สังเกต
  • ให้เลือกระหว่างการอุดหู กับการปิดตา คุณจะเลือกอะไร ?
  • สิงที่ทำนายพฤติกรรมในอนาคตได้ดีที่สุดคือ พฤติกรรมในอดีต

มรดกลิมบิกจงเจริญ

  • อาการเต่าหดหัว ยกไหล่เข้าหาหู คือ รู้สึกต่ำต้อย สูญเสียความมั่นใจ
  • การเอนตัวออกจากผู้สนทนา คือ เห็นต่างจากที่พูด
  • การปิดเปลือกตา เป็นการแสดงอออกรู้สึกตกตะลึง ไม่เชื่อ ไม่เห็นด้วย
  • การจับ หรือลูบคอ และถูหน้าผากคือ เกิดความเครียดการจับรอยบุ๋มที่ไหปลาร้า หรือการจับสร้อยคอ คือ ปลอบตัวเอง ไม่มั่นคง อึดอัดใจ ตื่นกลัว กังวล ซึ่งก็เป็นหนึ่งในพฤติกรรมสงบสติอารมณ์
  • การจับแก้ม หรือใบหน้า การเป่าลมออกจากปาก การถูมือกับหน้าตัก เป็นวิธีสงบสติอารมณ์ เมื่อรู้สึกตื่ตกลัว รำคาญ หรือกังวล

รู้ไว้ใช่ว่า ความลับของขาและเท้า

  • เมื่อเท้าข้างหนึ่งหันออกนอกลำตัว คือ คนๆนั้นจำเป็นต้องไปในทิศทางตรงนั้น
  • การเอามือกุมเข่า และถ่ายน้ำหนักไปที่เท้าข้างใดข้างหนึ่ง คือ ต้องการจะลุกจากเก้าอี้
  • เมื่อหัวแม่เท้าชี้ขึ้น คือ เจ้าของเท้ากำลังอารมณ์ดี
  • เมื่ออยู่ในสถานการณ์เผชิญหน้า มีปัญหา เท้าและขาของพวกเขาจะกางออก เพื่อให้ดูมีอำนาจมากยิ่งขึ้น
  • การไขว้ขา คือ รู้สึกสบายใจ เพราะการไขว้ขาเป็นท่าทีป้องกันตัวเองน้อยที่สุด
  • ถ้าฝ่ายหญิงชอบเล่นรองเท้าขณะที่เรากำลังสนทนา แปลว่า เขารู้สึกดี 😀
  • นั่งขาไขว้ และชี้ไปทางคู่สนทนา แปลว่าเข้ากันได้ดี
  • การนั่งเกี่ยวขากับเก้าอี้ คือระมักระวังตัว

ร่างกายไม่เคยโกหก (1)

ลำตัวพูดได้

  • เมื่อเราไม่อาจเอนตัวออกห่างจากคนที่เราไม่ชอบได้ เราก็มักจะใช้มือหรือสิ่งของเป็นเกราะกำบังโดยไม่รู้ตัว
  • เวลาเราเครียด จะกินข้าวไม่หมด ร่างกายกำลังบอกเราว่า มีไม่เวลามาย่อยอาหารแล้ว ต้องเตรียมตัวกับปัญหาอยู่เสมอ
  • ขณะเรากำลังมีความรัก มีความสุข เรามักจะแต่งกายให้ดูดีเสมอ แต่ถ้าเราทุกข์ หรือไม่สบาย เราก็จะไม่สนใจเรื่องการแต่งกาย
  • เมื่อมีการเถียงกัน การนั่งเหยียดตัวเป็นการประกาศอาณาเขต หรือแสดงอำนาจ ถ้าลูกคุณทำแบบนี้ บอกให้เขานั่งตรงๆ
  • เมื่อเขารู้สึกมั่นใจในสิ่งที่พูด เขาจะยกไหล่ทั้งสองข้างขึ้นเท่าๆกันอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเขาตอบว่า ไม่รู้ พร้อมยกไหล่ แปลว่ามีอะไรที่ผิดปกติ

ภาษกายของแขน

  • เวลาที่เราตื่นเต้น เราจะไม่จำกัดการเคลื่อนไหวของแขน เราจะต้านแรงโน้มถ่วงด้วยการยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ ส่วนคนที่ไม่มั่นใจ จะจัดกัดการเคลื่อนไหว เช่นเดินตรงเกร่ง ไม่แกว่งแขน
  • เมื่อเราเอามือไว้ข้างหลัง แสดงให้เห็นว่า ฉันมีสถานะสูงกว่าเธอ หรือ โปรดอย่าไม่ใกล้ฉัน ไม่สมควรที่มาแตะต้องตัวฉัน
  • การสัมผัสกันมีความสำคัญอย่างมาก อย่างที่มีคนเคยบอกไว้ว่า เพียงแค่ได้ลูปไล้ขนสุนัขก็ช่วยให้อัตราเต้นของหัวใจลดลงได้
  • การเท้าสะเอวโดยเอานิ้วโป้งอยู่ด้านหน้าบ่อบอกอาการสงสัย และแสดงอำนาจน้อยกว่าเอานิ้วโป้งอยู่ด้านหลัง
  • การประชุมธุรกิจ ผู้ที่เหยียดแขนกว้าง คือคนที่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูด และการยื่นแขนไปโอบเก้าอี้อีกตัวก็เช่นกัน
  • การสัมผัสแขนทำให้เกิดความพึงพอใจ แค่เอามือไปโดนขนบนแขน หรือการลูบไล้แผ่นเสื้อผ้า

ภาษากายของมือและนิ้ว

  • ผู้คนมักจะมีปฎิกิริยาตอบสนองในแง่บวกเมื่อมือเคลื่อนไหว ลองพยายามใช้มือประกอบในการพูด
  • ถ้าคุณคุยกับใครก็ตามที่เอามือไว้ใต้โต๊ะ นั้นแปลว่าเค้ารู้สึกอึดอัด
  • จงระมัดระวังการใช้มือเพื่อจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผม แต่การจัดแต่งให้แก่กันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นอย่างดี
  • การประกบมือแบบหน้าจั่วสังสัญญาณออกมาว่า คุณมั้นใจในความคิดและจุดยืนของคุณ
  • การเอานิ้วหัวแม่มือออกนอกกางเกง หรือกระเป๋าสูท นั้นแปลว่าเค้ามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก
  • แต่การสอดนิ้วหัวแม่มือไว้ในกระเป๋ากางเกงบ่งบอกถึงความมั่นใจต่ำ

ภาาษากายของใบหน้า

  • การเอียงศีรษะเป็นพฤติกรรมที่แสดงให้รู้ว่าเรารู้สึกดี
  • การแตะเปลือกตาช่วงสั้นๆ บ่งบอกถึงความคิดในแงลบเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังพูดคุย
  • การเลิกคิ้ว เป็นการแสดงออกดูความดีใจอย่างจริงใจ และหมายถึงกำลังเน้นประเด็นสำคัญในเรื่องของตัวเองที่จะเล่า
  • การจ้องหน้า จ้องตาพูดสนทนามากเกินไป ทำให้รู้สึกเกิดความระแวระวังในตัวเค้า แต่การที่แล้วมองไปที่อื่นบ้างครั้งคราว ทำให้เราไว้ใจเค้ามากกว่า ว่าเค้าไม่เป็นคนอันตราย ไม่จำผิดเค้า
  • เราจะกะพริบตาถี่ขึ้นในยามที่ตื่นตัว
  • เมื่อมีคนทำปากย่น แปลว่าเค้าไม่เห็ฯด้วนในสิ่งที่คุณพูด
  • *พฤติกรรมต้านแรงโน้มถ่วง
  • ถ้าใครพูดไปแตะจมูกไปแสดงว่าเขากำลังโกหก
  • การตอบคำถามควรเคลื่อนไหวศีรษะที่สอดคล้องกับคำพูดทันที

จบแล้วครับกับเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการสังเกตพฤติกรรมของผู้ร่วมสนทนากับเรา ทำให้รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขาเหล่านั้น 😀