เหนือกว่าวอลสตรีท Peter Lynch คือ นักบริหารเงินมือหนึ่งของอเมริกา หลักการของเขาก็คือ นักลงทุนทั่วไปสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานและชีวิตของตนเอง
เหนือกว่าวอลสตรีท :
ONE UP ON WALL STREET
ชื่อหนังสือ : เหนือกว่าวอลสตรีท
ชื่อผู้แต่ง : JOHN ROTHCHILD, PETER LYNCH
ผู้แปล : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
สำนักพิมพ์ : ฟิเดลลิตี้พับลิชชิ่ง
ปีที่พิมพ์ : พ.ศ. 2548
จำนวนหน้า : 320 หน้า
ISBN : 9749270886
ราคา : 348 บาท
เนื้อหาหลักของหนังสือ เหนือกว่าวอลสตรีท : เป็นหนังสือที่ได้เขียนถึงแนวคิด และหลักการในการลงทุนในหุ้นของ Peter Lynch ซึ่งเขาเป็นผู้จัดการกองทุนของ ฟิเดลลิตี้แม็คเจ็ลลัน เขาสามารถชนะดัชนี S&P ได้ถึง 11 ปี โดยได้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 29% ต่อปี และไม่เคยขาดทุนแม้แต่นิดเดียว และเขานักบริหารเงินมือหนึ่งของอเมริกา หลักการง่ายก็คือ นักลงทุนทั่วไปสามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญในงานและชีวิตของตนเอง และสามารถเลือกหุ้นที่ชนะตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าๆกับมืออาชีพในวอลสตรีท นักลงทุนสมัครเล่นยังสามารถทำเงินได้มหาศาลจากบริษัทธรรมดาที่เข้าใจง่าย
สรุปเนื้อหาในหนังสือ :
-
เมื่อตลาดตกเป็นโอกาสที่ดีที่จะซื้อหุ้นบริษัทที่คุณชอบ ซึ่งกดดันราคาหุ้นของบริษัทที่ดีให้มีราคาถูก
-
การพยายามทำนายทิศทางของตลาดไปล่วงหน้า 1 ปี หรือแม้แต่ 2 ปีนั้น เป็นไปไม่ได้
-
หุ้นในกลุ่มที่ต่างกันมักจะ มีความเสี่ยง และผลตอบแทนที่ต่างกัน
-
เราสามารถทำเงินได้โดยการทบต้นกำไรปีล่ะ 20-30% ในหุ้นแข็งแกรง
-
เพียงเพราะว่าบริษัทกำลังแย่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทจะไม่สามารถแย่ลงไปได้อีก
-
เพียงเพราะราคาหุ้นขึ้นไป ไม่ได้หมายความว่าคุณถูก และเพียงเพราะราคาหุ้นลง ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด
-
คุณไม่ได้ขาดทุนอะไร จากการที่ไม่ได้ซื้อหุ้นที่ประสบความสำเร็จ แม้ว่ามันจะเป็นหุ้น 10 เด้ง
-
อย่ายึดติดกับหุ้นที่ดีมากเกินไป จนทำให้คุณชะล่าใจ และทำให้คุณเลิกติดตามเรื่องราวของมัน
-
ถ้าคุณคิดว่าไม่สามารถเอาชนะตลาดได้ ก็จงซื้อกองทุนรวม ซึ่งจะประหยัดทั้งเงิน และเวลา
-
จงเปิดกว้างกับความคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ
-
ผมเชื่อว่านักลงทุนไม่ควรสนใจการขึ้นและลงของตลาด
-
อย่าให้สิ่งรำคาญใจมาทำลายพอร์ตที่ดีของคุณ
-
ไม่ว่าหุ้นจะตกสักกี่ร้อยจุด บริษัทที่ดีเยี่ยมก็จะประสบความสำเร็จในที่สุด
ส่วนที่ 1 : เตรียมตัวลงทุน
-
ไม่ควรลงทุนกับบริษัทที่เราไม่คุ้นเคย และไม่เข้าใจในกิจการอย่างถ่องแท้
-
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เราสามารถหาโอกาสที่ดีสุดยอด ได้จากข้างบ้าน หรือที่ทำงาน ก่อนที่ข่าวจะไปถึงหูของนักวิเคราะห์บ้างทีเราไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับตลาดหุ้นเลย เพราะมันทำให้คนที่ไม่มั่นใจตกเป็นเหยือ
-
ก่อนที่คุณจะลงทุนอะไรในหุ้น คุณควรพิจารณาซื้อบ้านสักหลัง ในเมื่อบ้านเป็นการลงทุนที่ดีเยี่ยม มีแต่เพิ่มมูลค่า เพราะบ้านมักเป็นเช่นเดียวกับหุ้น คือมักจะกำไรดีเมื่อถือเป็นระยะเวลานาน
-
บางคนเรียกตัวเองหรูหราว่า นักลงทุนระยะยาว แต่ก็ยาวถึงแค่การตกหนักครั้งต่อไป หรือกำไรจิ๊บจ๊อยเท่านั้น
-
ลงทุนในบริษัท ไม่ใช่ในตลาดหุ้น อย่าสนใจเรื่องการผันผวนในช่วงสั้นๆ
-
กำไรมากๆ สามารถทำได้จากหุ้น และขาดทุนมากๆ ก็เกิดจากหุ้นเช่นกัน
-
การคาดการณ์เศรษฐกิจนั้นไม่มีประโยชน์ และการทำนายตลาดหุ้นในระยะสั้นนั้น ไม่มีประโยชน์
ส่วนที่ 2 : เลือกผู้ชนะ
- ไล่ล่าหาหุ้น 10 เด้งนั้นอยู่ใกล้บ้าน สังเกตเทรนจากคนใกล้ตัว เด็กๆ วัยรุ่น ก่อนที่นักวิเคราะห์จะรู้เสียอีก
- การลงทุนโดยปราศจากการวิเคราะห์ก็เหมือนการเล่นไพ่โป๊กเกอร์โดยไม่เคยดูไพ่ที่หงายออกมาเลย
- สำรวจว่าความสำเร็จของผลิตภัณฑ์มีผลกระทบต่อความสำเร็จมากแค่ไหน
- บริษัทใหญ่เคลื่อนไหวช้า หุ้นจะวิ่งขึ้นไม่มาก
- มันจะง่ายขึ้น ถ้าคุณเข้าใจพื้นฐานของธุรกิจ ยิ่งง่ายผมยิ่งชอบ ง่ายที่จะติดตาม
- ไม่ว่าใคร ก็สามารถบริหารธุรกิจได้ เพราะมันไม่ซับซ้อน
ประเภทของหุ้น
- หุ้นโตช้า = จ่ายปั้นผลดี
- หุ้นแข็งแกร่ง = เก็บเอาไว้เพื่อช่วยป้องกันในช่วงเศรษฐกิจถดถอย เช่น โค้ก
- หุ้นโตเร็ว = โตปีละ 20-25% ไม่จำเป็นต้องอยู่ในอุตสหกรรมที่โตเร็ว แต่มีความเสี่ยง ต้องหาตัวที่มีงบดลดี ทำกำไรได้ค่อนข้างมาก
- หุ้นวัฎจักร = มียอดขายขึ้นลงเป็นประจำเสมอ (รถยนต์ การบิน ยางรถ เหล็ก เคมี) ต้องหาจังหวะ เวลา เราจะต้องสามารถตรวขจหาสัญญาณแต่เนิ่นๆ ว่ากำลังตกต่ำ หรือดีขึ้น และถ้าคุณได้ทำงานที่เกี่ยวกับหุ้นวัฏจักร ก็จะได้เปรียบมากยื่งขึ้น
- หุ้นฟื้นตัว = หรือหุ้น turn around เป็นหุ้นที่ประสบปัญหาหนี้สิน ตกต่ำมาก อาจจะถึงขั้นล้มละลาย
- หุ้นทรัพย์สินมาก = อาจเป็นเงินสด ที่ดิน สิทธิบัตร