จากตอนที่แล้ว เหนือกว่าวอลสตรีท ได้อธิบายในหัวข้อ การเตรียมการลงทุน ซึ่งจะต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทที่เราจะลงทุนในหุ้นอย่างละเอียด ในตอนนี้เราจะเจาะลึกถึงประเภทหุ้นต่างๆ ครับ
คุณสมบัติที่สำคัญของ “หุ้นสมบูรณ์”
- เป็นกิจการที่มันดูน่าเบื่อ เรียบง่าย
- ทำบางสิ่งบางอย่างที่คนไม่เห็นด้วย
- มันเป็นหุ้นที่แตกออกมา = โดยปกติบริษัทที่แตกออกมาจะมีงบการเงินที่แข็งแกร่ง เป็นอิสระ
- สถาบันมักจะไม่ถือมัน และนักวิเคราะห์ไม่สนใจ
- มันเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่โต และมันมีจุดเด่น
- คนต้องซื้อมันเรื่อยๆ = ยา น้ำอัดลม ใบมีดโกน
- มันเป็นผู้ใช้เทคโนโลยี = ได้ประโยชน์จากสงครามราคา
- บุคคลภายในบริษัทกำลังซื่้อหุ้น และบริษัทกำลังซื้อหุ้นคืน
หุ้นที่ “ปีเตอร์ ลินซ์” จะหลีกเลี่ยง
-
หุ้นที่ร้อนที่สุดในอุตสาหกรรมที่ร้อนที่สุด เพราะหุ้นร้อนสามารถขึ้นและลงได้เร็ว ราคามันจะขึ้นไปเหนือการคำนวญ
-
เป็นหุ้นที่กล่าวขวัญมากที่สุด, หุ้นกระซิบ, บริษัทพ่อค้าคนกลาง
-
ธุรกิจที่โตเร็วเกินอย่าง ดิสก์ไดรว์ และอาจจะเป็นธุรกิจในกระแสเท่านั้น จากนั้น มันก็จะหายไป
-
หุ้นที่จะเป็นตัวต่อไปจากบริษัทใหญ่ๆ เช่น เป็นตัวต่อไปจาก IBM
-
หลีกเลี่ยง ยิ่งกระจายยิ่งแย่ = แทนที่จะซื้อหุ้นคืน หรือจ่ายปันผลเพิ่ม บริษัทชอบเผาเงินเล่นๆ ไปกับการลุงทุนในบริษัทอื่นอย่างโง่ๆ และการเข้าซื้อกิจการอย่างไม่มีเหตุผล
กำไร กำไร และกำไร
เหนือกว่าวอลสตรีท สิ่งที่คุณกำลังถามอยู่นี้คือ อะไรทำให้บริษัทมีค่า และทำไมมันจะมีค่ามากขึ้นในวันพรุ่งนี้เมื่อเทีบยกับวันนี้ และหุ้นหนึ่งหุ้นนั้นไม่ใช่ล็อตเตอรี่ 1 ใบ แต่มันคือความเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งขอธุรกิจ
มีวิธี 5 ประการที่บริษัทจะสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น
-
ลดต้นทุน
-
ขึ้นราคาสินค้า
-
ขยายเข้าตลาดใหม่
-
ขายสินค้าในตลาดเดิมให้มากขึ้น
-
ฟื้นฟูกิจการที่ขาดทุน
การขุดคุ้ย 2 นาที
-
การเรียนรู้ให้มากที่สุดว่าบริษัทกำลังทำอะไรที่สามารถทำให้ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น
-
สร้างบทพูด 2 นาทีครอบคลุมเหตุผลที่สนใจหุ้นตัวนี้ การประสบความสำเร็จ อุปสรรคที่ขว้างอยู่เช่น หุ้นโตช้า = จ่ายปั้นผลทุกปี, หุ้นวัฏจักร = สภาวะเศรษฐกิจ สินค้าคงคลัง ราคาสินค้า ไตรมาศ โรงงาน, หุ้นสินทรัพย์มาก = ราคาต่อสินทรัพย์, หุ้นฟื้นตัว = การแก้ไขปัญหา ลดหนี้, หุ้นแข็งแกร่ง = PE, หุ้นโตเร็ว = กำไรดีมากในแต่ล่ะปี มีแผนขยายกิจการ หนี้ไม่มาก
ค้นหาความจริง
- ถ้าบอกว่าแหล่งข้อมูลลึกลับมากเท่าไร คนส่วนใหญ่จะยิ่งเชื่อมากเท่านั้น
- ถามโบรกเกอร์ให้รายละเอียด เป็นหุ้นประเภทไหน โตเท่าไร เทียบ PE ปัจจุบัน และอดีต เป็นหนี้เท่าไร อย่างไร บุคลากรเป็นอย่างไร มีบุคคลภายในขายหุ้นหรือป่าว และตารางราคาหุ้นเทียบกับกำไรในช่วง 5 ปี การจ่ายปันผลทุกปีหรือไม่ นักลงทุนสถาบันถือหุ้นกี่เปอร์เซน
- โทรหาบริษัทที่จะลงทุน แผนกนักลงทุนสัมพันธ์ ถามเรื่องกำไร ไม่ควรถามว่า ทำไมหุ้นจึงตก มีอะไรที่เป็น + – สำหรับปีนี้ หรือเยี่ยมสำนักงานใหญ่
- การเพิ่มของทรัพย์สินหมุนเวียน + ทรัพย์ในความต้องการของตลาด = เพิ่มขึ้นหรือไม่
- ดูว่าหนี้สิ้นระยะยาวลดลงหรือไม่
- ทรัพย์สิน – หนี้ระยะยาว = เงินสดสุทธิ ไม่มองหนี้ระยะสั้นทางเงินสดมีเพียงพอ
- นำทรัพย์สิน หาร จำนวนหุ้น = เงินที่ติดอยู่ในแต่ล่ะหุ้น
ตัวเลขที่มีชื่อเสียง
- เปอร์เซ้นยอกขาย = ยอดขายของแต่ล่ะ product
- อัตราส่วนราคาต่อกำไร = PE ต่ำกว่าอัตราการโต แปลว่าจะเจอหุ้นถูก
- อัตราเติบโตกับกำไร > อัตราเติบโต + ปันผล การ PE ถ้าน้อยกว่า 1 ถือว่าแย่ 1.5 ปานกลาง
- ปัจจัยทางด้านหนี้ = ทุน 75% หนี้ 25% หนี้ธนาคาร เป็นหนี้ที่แย่ที่สุด หนี้ระยะยาวดีที่สุด
- ปันผล = ราคาหุ้นจะไม่ตกลงมาก เมื่อเทียบกับไม่จ่ายปันผล และหุ้นตัวเล็กที่ไม่จ่ายปันผล มีโอกาสโตมากกว่าจ่าย
- มูลค่าหุ้นทางบัญชี = มักจะต่ำกว่า หรือสูงกว่าความเป็นจริง
- ทรัำย์สินที่ซ้อนเอาไว้ = ที่ดิน อสังหา ค่าความนิยม
- กระแสเงินสดต่อหุ้น และฐานะการเงินสดต่อหุ้น และดูสินค้าคงคลัง
- ทุกๆ 2-3 เดือนจำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องราวของบริษัท
ส่วนที่ 3 : ภาพระยะยาว
รายการตรวจสอบสุดท้าย
- โดยทั่วไป ดู PE ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เปอร์เซ็นการถือหุ้นโดยสถาบันยิ่งน้อยยิ่งดี บุคคลภายในกำลังซื้อ หรือบริษัทกำลังซื้อหุ้นคืน สถิติการเจริญเติบโตลุ่มๆ ดอนๆ หรือไม่ บริษัทมีงบดุลแข็งแกรงหรือไม่ (สัดส่วนหนี้สินต่อทุน) ฐานะเงินสด
- หุ้นโตช้า มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอหรือไม่
- หุ้นแข็งแกรง มีการกระจายความเสียหายที่อาจจะลดในอนาคตหรือไม่
- หุ้นวัฎจักร ดูสินค้าคงคลัง และความสัมพันธ์ระหว่าง P x Q ดูคู่แข็งหน้าใหม่
- หุ้นโตเร็ว สินค้าที่เป็นตัวที่ทำให้บริษัทได้กำไร มีอัตราส่วนมากหรือไม่ โตประมาณ 20%-25% บริษัทยังมีช่องว่างที่จะโต ดูว่านักวิเคราะห์ไม่ค่อยพูดถึง
- หุ้นฟื้นตัว บริษัทจะเอาตัวรอดจากการถูกยึดทรัพย์หรือไม่ โครงสร้างหนี้ หนทางการฟิ้นตัวที่ชัดเจน การลดต้นทุน หุ้นทรัพย์สินมาก มีสินทรัพย์ซ้อนอยู่หรือไม่ นำหนี้หักออกจากสินทรัพย์ มีการก่อหนี้ใหม่หรือไม่
- จุดสำคุญ เข้าใจธรรมชาติของบริษัท และเหตุผลเฉพาะที่ถือหุ้น บริษัทใหญ่จะวิ่งช้า หลีกเลี่ยงบริษัทร้อนในอุตสหกรรมร้อน ลงทุนในบริษัทธรรมดา และไม่ค่อยมีใครสนใจ มองหาบริษัทที่ซื้อหุ้นคืนอย่างสม่ำเสมอ
ขอขอบคุณหนังสือดีๆ จาก : Akenarong Suksupakit